หากนึกถึงสิงห์บุรี ภาพชาวบ้านบางระจันคงลอยขึ้นมาในความคิดของเราตามที่เคยได้ยินตามคำบอกเล่ากันมา แต่ 18 – 27 สิงหาคม 2566 นี้สิงห์บุรีกำลังจะมีงานแสงสีสิงห์ งานที่จะทำให้เมืองนี้จะกลายเป็นเมืองแห่งสีสัน และถ้าเราไม่ได้ไปสัมผัสมาเองกับตัว ก็คงไม่รู้เลยว่าเมืองสิงห์เป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมความเก่าและเก๋าตั้งแต่ผู้คนจวบจนวิถีชีวิตที่ยังคงความคลาสสิกไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา
แหล่งรวบรวมภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของเมืองสิงห์บุรีตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่จัดภายในศาลากลางหลังเก่าเกือบ 120 ปีของสิงห์บุรี (ร.ศ. 130 ) ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกที่สร้างในสมัยรัชกาลที่5 โดยจัดเป็นนิทรรศการถาวรเรื่อง “ทรัพย์เมืองสิงห์” เล่าถึงประวัติศาสตร์ที่ล้ำค่าของเมืองสิงห์ แบ่งห้องตามชื่อทรัพย์ออกเป็นหมวดๆ ที่เล่ามาในแง่มุมของเมืองแห่งขุมทรัพย์ นักรบ และวัฒนธรรมในแต่ละด้าน
เป็นเวลากว่า 80 ปีจากร้านขายเบเกอรี่รถเข็นจนกลายมาเป็นร้านขายของฝากขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองสิงห์ จากการใช้ปลาช่อนที่เป็นจุดเด่นของจังหวัด นำมาเป็นส่วนผสมในการทำของหวาน ทั้งเค้กปลาช่อนสูตรต้นตำรับ ซิกเนเจอร์ของร้าน ไอศกรีมกะทิปลาช่อน ทองม้วนปลาช่อน คุกกี้ปลาช่อน ทำให้เวลากินเราจะได้สัมผัสเนื้อของปลาช่อนที่ใส่ลงไปในของหวานเป็นเทคเจอร์คล้ายเนื้อมะพร้าวแต่ไม่ใช่เนื้อมะพร้าว ถ้าอยากลองเนื้อสัมผัสของปลาช่อนแบบชัดเจนต้องไอศกรีมกะทิปลาช่อนเพราะจะได้เคี้ยวเนื้อปลาพร้อมๆ กับรสหอมหวานของไอศกรีม เป็นอะไรที่แปลกใหม่ต้องลองสักครั้ง
De’ Champ Cafe ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงทุ่งนา เริ่มมาจากความชอบของ แบงค์-ปิติภัทร ม่วงงาม ที่มีความสนใจเกี่ยวกับพายซับบอร์ด เลยต้องการสเปซในการทำกิจกรรม โดยบริเวณด้านหลังคาเฟ่คือทุ่งนากว้าง หากมาในช่วงน้ำชุ่มจะเป็นลานน้ำที่พร้อมสำหรับพายซับบอร์ด แต่ถ้ามาช่วงปกติก็มีพื้นที่รับรองสำหรับทำกิจกรรมนี้ด้วย และในช่วงพลบค่ำทุกคนจะได้สัมผัสบรรยากาศของทุ่งนากับไฟสลวย คลอบรรยากาศด้วยเสียงดนตรีสด เดอฌองจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สบายใจให้เราได้ปล่อยจอย
ขึ้นชื่อว่าเมืองสิงห์ถิ่นปลาแล้ว หากไม่นึกถึงแม่ลาปลาเผาก็เหมือนมาไม่ถึงสิงห์บุรี ร้านนี้เป็นร้านต้นตำรับปลาช่อนเผาขึ้นชื่อของจังหวัด ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย สังเกตได้ง่ายจากขวดยักษ์ตรงบริเวณทางเข้าร้าน ด้วยกรรมวิธีการเผาปลาที่ต้องใช้ปลาช่อนสดแล้วนำมารมควันกาบมะพร้าวทำให้เท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลายังมีความฉ่ำอยู่ และต้องกินคู่กับสะเดาน้ำปลาหวานที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจขาดกันไม่ได้
ในอดีตชื่อ “โรงหนังคู่รักรามา” สัญลักษณ์แห่งความบันเทิงของคนยุคเก๋าที่ยังหลงเหลือความทรงจำอยู่เพียงแห่งเดียวของสิงห์บุรี ด้วยสถาปัตยกรรมที่ทำให้เหมือนเราหลุดเข้าไปในยุค 70 ได้ฟีลวินเทจของตัวอาคาร นับว่าเป็นโรงหนังเก่าที่มีเค้าโครงเดิมที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย แต่งตัวชิคๆ พกกล้องฟิล์มมาถ่ายคงเป็นโมเมนต์ที่สนุกและน่าประทับใจนะ
โรงแรมใจกลางเมืองสิงห์บุรี ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เยื้องๆ กันคือห้างไชยแสงใช้เวลาในการเดินไม่ถึง 3 นาที อยู่ใกล้ตลาดโต้รุ่ง ห้องพักได้รับการรีโนเวทและดูแลอย่างสม่ำเสมอ ถ้าใครคิดว่ามาสิงห์บุรีแล้วกลัวจะไม่มีที่พัก เราแนะนำว่าน่าจะเช็กอินที่นี่ หรืออีกที่หนึ่งคือไชยแสง วิลล่า เครือเดียวกัน ที่ดูดี สะอาดสะอ้าน และห้องพักสบาย
คาเฟ่เล็กๆ ตรงข้ามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ริมชายหาดตามคอนเซปต์ “ชายหาดเล็กๆ” ด้วยความชอบทะเลของ แนน-สุวิชญา ฤทัยแช่มชื่น ทำให้เกิดเป็นคาเฟ่ที่ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ ทุกอย่างในร้านต้องผ่านความคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เพื่อให้ใครก็ตามที่เข้ามาได้ความประทับใจกลับไป ไม่ใช่แค่บรรยากาศในร้านเท่านั้น แต่รวมไปถึงวัตถุดิบที่นำมาทำทั้งเครื่องดื่มและอาหารในคุณภาพที่คุ้มค่าในราคาย่อมเยา
วัดราษฎร์นิกายมหายาน เดิมชื่อ วัดบางมอญ เนื่องด้วยในสมัยก่อนมีชาวมอญมาค้าขายตามแม่น้ำเจ้าพระยาและได้แวะพักบริเวณนี้และยังเป็นแหล่งรวบรวมหนังใหญ่ของเมืองสิงห์ โดยมีนายหนังเร่จากพระนครศรีอยุธยาชื่อว่า “ครูเปีย” ที่มีความศรัทธาต่อหลวงปู่เรืองเลยได้ถวายหนังใหญ่ให้กับทางวัดในสมัยนั้นประมาณ 300 กว่าตัวและเป็นผู้บุกเบิกในใช้การเชิดหนังใหญ่ตามแบบพระบรมมหาราชวังให้กับชาวบ้านจนถึงปัจจุบัน ภายหลังได้ก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ ใช้พื้นที่ชั้นบนของศาลาการเปรียญ ในปีพ.ศ. 2545 ถือว่าเป็นแหล่งรวมความขลังทั้งพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมที่ควรสานต่อเอาไว้
ห้องอาหารระดับตำนานคู่เมืองสิงห์บุรีมามากกว่า 70 ปี ส่งไม้ต่อจนมาถึงทายาทรุ่น 2อย่าง “เฮียปอ-กิตติพงศ์ ตั้งประกอบกิจ” ด้วยรสมือการปรุงอาหารที่เรียกได้ว่าสกิลระดับเชฟภัตตาคาร ถ้ามาแล้วเมนูที่ไม่ควรพลาดและต้องสั่งเลยอย่าง ต้มยำพุงปลาช่อน เชิงปลากรายทอด ปูนิ่มทอดกระเทียมราดผัดสะตอ กระซิบมาว่า เฮียปอ นอกจากจะเป็นพ่อครัวแล้ว เขายังเคยเป็นนักธุรกิจที่เป็นกำลังสำคัญให้กับสิงห์บุรี แถมยังเป็นนักเดินสายฉายหนังในตำนานที่สร้างรายได้หลาย 10 ล้านบาท เป็นช่างภาพสุดเก๋าเจ้าของภาพถ่ายที่ชนะการประกวดหลายเวทีอีกด้วย
พระอารามหลวงชั้นตรี ภายในวัดเป็นสถานที่ประดิษฐานพระนอนจักรสีห์ พระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทย รองมาจากสมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร วัดบางพลี ซึ่งทางจังหวัดได้ร่วมสร้างพุทธมณฑลประจำเมืองสิงห์บุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางของการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ภายในบริเวณวัดยังมีตลาดที่ชาวบ้านและคนในชุมชนนำสินค้าที่ผลิตเพื่อนำมาจำหน่ายอย่าง ผัก ผลไม้ น้ำพริก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นสินค้าOTOP และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เปิดจำหน่ายเป็นประจำทุกวันกว่า 140 ร้าน
แหล่งเตาเผาที่ใหญ่ที่สุดในสมัยอยุธยามีความยาวถึง 14 เมตรที่ใช้เป็นแหล่งผลิตภาชนะดินเผา เช่น ไห อ่าง กระเบื้องปูพื้น และความสำคัญของเตาเผาแม่น้ำน้อยในทางประวัติศาสตร์นั้นเป็นที่ผลิตท่อประปาดินเผาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ โดยมีหลักฐานค้นพบที่พระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เป็นการวางระบบประปาครั้งแรกในสมัยอยุธยา และมีภาชนะดินเผาที่เป็นเอกลักษณ์ในสมัยนั้นด้วยคือ “ไหสี่หู” ที่ใช้บรรจุสินค้าส่งขายไปทั่วโลก นับว่าเป็นแหล่งโบราณคดีที่เป็นร่องรอยความเจริญและน่าหวงแหนของชาวสิงห์บุรี
Mascot สิงโตสีชมพูอ้วนกลมน่ารัก ที่ยืนเด่นอยู่ตรงบริเวณ ถนนนายจันทร์หนวดเขี้ยวเป็นเหมือนตัวแทนชาวสิงห์บุรียืนต้อนรับนักท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่า ด้วยสถาปัตยกรรมและอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่คนในพื้นที่ยังคงรักษาไว้ ทั้งตึกเก่าย่านตลาดเทศบาลและร้านค้าดั้งเดิม ผ่านการพรีเซนต์แบบ Art&Design 3 ไฮไลต์ Crosswalk Art / Neon Light Art / Hidden Sculptures เพื่อต้องการให้สิงห์บุรีมีชีวิตชีวาจากเดิม และสามารถสัมผัสศิลปะผ่านกิจวัตรประจำวันอย่างการเดินข้ามถนนตามจุดต่างๆ
คาเฟ่น้องใหม่ในตัวเมือง สไตล์มินิมอลเอิร์ทโทน เน้นความเรียบง่ายแต่มากไปด้วยมุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มุมอ่านหนังสือ มุมที่นั่งแล้วเห็นวิวนอกร้าน หรือมุมนั่งจิบกาแฟเงียบๆ ก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ ไม่ใช่แค่บรรยากาศ แต่ยังมีขนมหวานที่อยากแนะนำทั้ง ครอฟเฟิลธัญพืช ชีสเค้กหน้าไหม้ เค้กไร้เทียมทาน เค้กแครอทครีมชีส เค้กเผือกมะพร้าวอ่อน หากพูดถึงขนมแล้วก็ต้องควงคู่มากับเครื่องดื่มที่น่าลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น กาแฟส้มใบมะกรูด สูตรเฉพาะของทางร้าน อเมริกาโน่น้ำลำไยสด เอาเป็นว่ายังมีอีกหลายเมนูที่ต้องไปลอง ร้านน่ารัก ขนมน่ากิน แล้วราคาน่าคบด้วยล่ะ
รถตู้ของหนุ่มสุดเท่อดีตวง NOS ที่พร้อมออกตะลุยเป็นร้านขายกาแฟสดไปตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองสิงห์ ที่ให้บรรยากาศไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละวันถึงแม้จะเป็นโลเคชั่นที่ไปเป็นจุดประจำก็ตาม จันทร์ – พฤหัสบดี จอดอยู่ข้างสนามกีฬา วันศุกร์ จอดในสนามกีฬา และเสาร์ อาทิตย์ จะจอดอยู่ที่หาดทราย ใต้สะพานอนุสรณ์ 100 ปีสิงห์บุรี บอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาแล้วโคตรเท่ เมนูที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟก็เอาใจคนคอกาแฟที่อยากให้ลองสัมผัสของกาแฟต่างจากเดิมอย่าง “ทอฟฟี่นัทคอฟฟี่ คาราเมลซอลเทท” ใช้ไซรัปพรีเมี่ยมให้รสชาติหอมกลมกล่อมลงตัวไปกับกาแฟ
อีกหนึ่งร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของสิงห์บุรีเลย ที่ยกสารพัดปลานำมาออกมารังสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ทำให้ ใครที่ผ่านไปผ่านมาแถวสิงห์บุรีจะต้องแวะทานอาหารจากทางร้าน ทั้ง ปลาช่อนกรอบผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ทอดมันปลากราย ปลาช่อนทอดผัดต้นคะน้า ต้มยำปลาม้า ปลาม้าผัดฉ่า หัวปลาต้มเผือก ต้มยำพุงไข่ปลาช่อน พิมพ์ไปน้ำลายสอไป หากได้แวะเข้าไปกินแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน